สื่อผู้ดีตีข่าวอันเช่เหล่แวร์เนอร์

คาร์โล อันเชล็อตติ ผู้จัดการคนใหม่ของโคตรทีมแห่งลา ลีกาสเปนอย่างเรอัล มาดริด ตกเป็นข่าวเล็ง คว้าตัวติโม แวร์เนอร์ หัวหอกทีมชาติเยอรมันของแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีกอย่างเชลซี ไปเสริมแนวรุกในช่วงซัมเมอร์นี้ แต่ก็มีงบให้ใช้ที่จำกัด จากการรายงานของบรรดาสื่อของอังกฤษ
อันเชล็อตติเพิ่งจะเข้าไปรับตำแหน่งผู้จัดการทีมเรอัล มาดริดต่อจากซีเนอดีน ซีดานที่ก้าวลงจากตำแหน่งไปหมาด ๆ แต่ก็มีงบจำกัดในการเสริมทัพ เนื่องจากตอนนี้ราชันชุดขาวนั้นมีหนี้สินร่วม 1 พันล้านปอนด์ ซึ่งตีเป็นเงินไทยตกอยู่ที่ราว 40,000 ล้านบาทเลยทีเดียว รวมทั้งยังเพิ่งปรับปรุงสนามซานติโก้ เบร์นาบิวไปอีกด้วย
ฤดูกาลที่ผ่านมาแวร์เนอร์ซัลโวไปได้เพียงแค่ 12 ลูกจากการลงเล่นให้เชลซีไปทั้งหมดทุกรายการ 52 นัด แต่ก็ยังไม่เป็นที่พอใจของสิงห์บลูเนื่องจากมองว่ายังเล่นได้ไม่คุ้มค่าตัวก้อนโต รวมทั้งยังรับค่าเหนื่อยสัปดาห์ละ 170,000 ล้านปอนด์ ซึ่งคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 6.8 ล้านบาท
นอกจากนี้แวร์เนอร์ยังตกเป็นที่วพากษ์วิจารณ์จากบรรดาเกจิลูกหนังว่ายังเล่นอย่างขาดความมั่นใจ และยังไม่สามารถปรับตัวเข้ากับเกมพรีเมียร์ลีกได้ดีเท่าที่ควรเลย
อย่างไรก็ดีอันเชล็อตติก็มองต่างมุมว่าแวร์เนอร์มีส่วนสำคัญให้เชลซีคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีกพร้อมเข้าป้ายอันดับ 4 ในศึกพรีเมียร์ลีกเมื่อซีซั่นที่แล้ว แต่ว่าเรอัล มาดริดค่อนข้างมีงบที่จำกัดและขอสู้ราคาได้เพียง 53 ล้านปอนด์ ซึ่งตีเป็นเงินไทยอยู่ที่ราว 2,120 ล้านบาท เป็นจำนวนเงินเท่ากับที่สิงห์บลูจ่ายให้ทีมฟอร์มแรงแห่งบุนเดสลีกาอย่างแอร์เบ ไลป์ซิกเพื่อคว้าตัวหัวหอกทีมชาติเยอรมันรายนี้มาเมื่อปี 2020
ทางด้านแชมป์พรีเมียร์ลีกอังกฤษอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้เตรียมที่จะเปิดฉากเจรจาสัญญาฉบับใหม่กับราฮีม สเตอร์ริ่ง ดาวเตะทีมชาติอังกฤษ หลังเสร็จสิ้นศึกยูโร 2020 แทนที่ฉบับเดิมที่ยังเหลืออีก 2 ปี
อนาคตค้าแข้งในถิ่นเอติฮัด สเตเดี้ยมของสเตอร์ริ่งนั้นยังคงตกอยู่ภายใต้เครื่องหมายคำถาม หลังจากฤดูกาลที่ผ่านมาไม่ได้รับการการันตีให้เป็นตัวจริง ทำให้ทั้งสองฝ่ายจำเป็นที่จะต้องพูดคุยถึงเรื่องสัญญาฉบับใหม่
ทั้งนี้ทั้งนั้นหากสเตอร์ริ่งไม่ต่อสัญญากับแมนฯซิตี้ก็มีความเป็นไปได้ที่เรือใบสีฟ้าพร้อมปล่อยตัวออกจากทีมให้เป็นการด่วนเพื่อให้ได้ค่าตัวที่สูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยดาวเตะสิงตคำรามตกเป็นที่หมายตาของสองยักษ์ใหญ่ในลา ลีกาสเปนอย่างเรอัล มาดริดและบาร์เซโลน่า แต่สุดท้ายก็ยังไม่รู้ว่าจากพิษเศรษฐกิจโควิดนั้นมันส่งผลต่อทั้งสองยักษ์ใหญ่มากน้อยเพียงใด