อัซปิลิกวยต้าคว้าทุกแชมป์ให้สิงห์บลู

เซียนบอล 14 กุมภาพันธ์ 2022

36 Less than a minute

เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า ปราการหลังจอมเก๋าทีมชาติสเปน โชว์ฟอร์มได้โดดเด่นสมเป็นกัปตันทีมอย่างแท้จริง หลังจากเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับเชลซี โดยเป็นพ่อค้าแข้งรายแรกที่กวาดแชมป์รายการใหญ่ครบทุกรายการร่วมกับสิงห์บลูได้อย่างสง่าผ่าเผย หลังจากเติมเต็มฝันด้วยการฟันแชมป์ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพไปได้สำเร็จ เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2022

อัซปิลิกวยต้าเป็นเพียงแข้งหนึ่งเดียวที่หลงเหลืออยู่จากชุดที่ไปไม่ถึงฝันได้แค่รองแชมป์สโมสรโลกเมื่อปี 2012 จากการพ่ายทีมแกร่งแห่งลีกบราซิลอย่างโครินเธียนส์ไปในนัดชิงชนะเลิศแบบฉิวเฉียด 0-1 แต่คราวนี้ดาวเตะกระทิงดุวัย 32 ปีสานฝันได้สำเร็จด้วยการนำเชลซีเก็บถ้วยใหญ่ใบสุดท้ายอย่างแชมป์สโมสรโลกปี 2021 ด้วยการเบียดชนะคู่ปรับจากลีกบราซิลอย่างพัลไมรัสไปได้ 2-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ หลังจากเสมอกัน 1-1 ในเกม 90 นาทีของนัดชิงชนะเลิศที่ยูเออี

แมตช์นี้ทำท่าเหมือนว่าต้องไปตัดสินกันถึงฎีกาด้วยการดวลลูกโทษที่จุดโทษ แต่จุดเปลี่ยนของเกมนี้ก็มาเกิดขึ้นในนาทีที่ 114 จากจังหวะที่อัซปิลิกวยต้ากระโดดยิงในเขตโทษ แล้วบอลไปถูกแขนของแข้งพัลไมรัสอย่างลวน การ์เซีย แม้ว่าตอนแรกผู้ตัดสินจะไม่ได้เป่าให้เป็นลูกจุดโทษ แต่กัปตันทีมสิงห์บลูก็เข้าไปประท้วงเพื่อขอเรียกดูวีเออาร์ ก่อนที่ผู้ตัดสินจะเปลี่ยนใจให้เป็นลูกจุดโทษ

เหตุการณ์อลหม่านดราม่าไม่น้อยในช่วงก่อนที่เชลซีจะได้ซัดจุดโทษ และอัซปิลิกวยต้าก็โชว์ความเป็นพี่ใหญ่ด้วยการแบกรับความกดดันทั้งหมดเอาไว้กับตนเอง โดยการถือบอลเอาไว้ในมือดูเหมือนว่าจะเป็นผู้ที่รับหน้าที่สังหารเอง เพื่อให้บรรดานักเตะของพัลไมรัสรุมเข้ามากดดันถึงขั้นที่เอดวร์ด อาตูเอสตาต้องสังเวยใบเหลืองจากการแสดงท่าทีที่ไปกดดันคู่แข่งจนเกินงามนั่นเอง

สุดท้ายคนที่รับหน้าที่มือปืนให้เชลซีกลับกลายเป็นไค ฮาแวร์ตซ์ ดาวเตะดาวโรจน์ทีมชาติเยอรมัน ก่อนที่สตาร์อินทรีเหล็กจะสังหารเข้าไปอย่างเยือกเย็นให้สิงห์บลูฟันแชมป์สโมสรโลกไปด้วยสกอร์ 2-1 และนับเป็นฮีโร่อีกครั้งของแข้งจากเมืองเบียร์ หลังจากก่อนหน้านี้เป็นคนซัลโวชัยให้สิงโตน้ำเงินครามเฉือดเพื่อนร่วมพรีเมียร์ลีกอังกฤษอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ไปได้ในนัดชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา