โรนัลโด้ส่อชวดหวดพาเลซประเดิมรังนิค

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กัปตันทีมชาติโปรตุเกส อาจจะหมดสิทธิ์ลงเล่นให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเกมประเดิมการกุมบังเหียนปีศาจแดงนัดแรกในฐานะกุนซือขัดตราทัพไปจนจบฤดูกาลนี้ โดยจะเป็นศึกพรีเมียร์ลีกที่ผีแดงจะเปิดโอลด์ แทรฟฟอร์ดต้อนรับการมาเยือนของคริสตัล พาเลซจากการนำลูกทีมมาของปาทริค วิเอร่า ในวันอาทิตย์ที่ 5 ธันวาคม 2021
สำหรับต้นสายปลายเหตุที่อาจทำให้ไร้เงาโรนัลโด้ไปในแมตช์เปิดตัวรังนิคอย่างเป็นทางการนั้นมันน่าจะเป็นเรื่องที่แฟนแมนฯยูฯแอบยิ้มมุมปาก จากการที่ “ซีอาร์ 7” ฉลองการซัลโวตามแบบฉบับด้วยการกระโดดตัวลอยนั่นเอง โดยมาจากการที่เขาเหมาคนเดียวสองดอกช่วยให้ปีศาจแดงเบียดชนะอาร์เซน่อลไปสุดมัน 3-2 ในเกมพรีเมียร์ลีกนัดกลางสัปดาห์ เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2021
แต่ว่าการฉลองชัยดีใจเกินเบอร์ไปหน่อยในครั้งนี้ ทำให้เกิดเหตุการณ์ผิดคิวจากการกระโดดตัวลอย แล้วดันลงมากระแทกกับพื้นสนามแรงไปหน่อยจนทำให้ได้รับบาดเจ็บอาการดังกล่าว แต่ว่าก็กัดฟันเล่นต่อไป ก่อนที่จะโดนเปลี่ยนตัวออกจากสนามไปในนาทีที่ 88
ตามปกติแล้วเมื่อถูกเปลี่ยนตัวออกส่วนใหญ่แล้วก็จะไปนั่งข้างสนามเป็นกำลังใจให้กับเพื่อนร่วมทีม แต่แมตช์ดังกล่าวโรนัลโด้รีบเข้าห้องแต่งตัวในทันที ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นการรีบเข้าไปเช็กอาการบาดเจ็บว่าหนักหนาสาหัสเพียงใด
ทางด้านเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน หนึ่งในศาสดาเอกของแมนฯยูฯ คงเซอร์ไพรส์ไปไม่น้อยเลยทีเดียว หลังจากที่ทีมดังในสกอตติชพรีเมียร์อย่างอเบอร์ดีน จัดแจงส่งรูปปั้นจำลองไปให้ ก่อนที่มีแผนว่าจะสร้างรูปปั้น “เฟอร์กี้” ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา และน่าจะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงต้นปีหน้าอีกด้วย
ก่อนที่เฟอร์กูสันจะก้าวเข้ามาเป็นตำนานกุนซือมือทองครองความยิ่งใหญ่ในวงการลูกหนังอังกฤษร่วมกับแมนฯยูฯมาอย่างยาวนานจนกลายเป็นตำนานให้ได้เล่าสืบทอดกันไปชั่วลูกชั่วหลาน เฟอร์กี้เคยฝากผลงานสุดติ่งกระดิ่งโดราเอม่อนเอาไว้ในช่วงที่กุมบังเหียนอเบอร์ดีนในระหว่างปี 1978 – 1986 จากการนำทีมเดินหน้ากวาดแชมป์อย่างเมามัน ไล่ไปตั้งแต่แชมป์ลีกสูงสุดแดนวิสกี้ 3 สมัย, แชมป์สกอตติช คัพ 4 สมัย, แชมป์คัพ วินเนอร์ส คัพ 1 สมัย และแชมป์ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ คัพอีกสมัย
สำหรับการที่เฟอร์กี้นำอเบอร์ดีนฟันแชมป์ลีกสูงสุดเมืองน้ำเมาได้ไปหลายสมัยนั้น และหนึ่งในนั้นก็บังเกิดขึ้นในฤดูกาล 1979 – 1980 ทำให้เป็นครั้งแรกที่สองมหาอำนาจลูกหนังร่วมเมืองอย่างกลาสโกว์ เรนเจอร์ส และกลาสโกว์ เซลติกไม่ได้มีโอกาสสัมผัสถ้วยแชมป์เป็นหนแรกในรอบ 15 ปีเลยทีเดียว