อังกฤษยังคงโชว์ฟอร์ม ในศึกยูโร 2020 ได้ดีอย่างต่อเนื่อง หลังจากไล่ถล่มยูเครนไปแบบขาดลอย 4-0 ในรอบก่อนรองชนะเลิศเมื่อวันเสาร์ที่ 3 กรกฏาคม 2564 ตบเท้าเข้าไปเปิดเวมบลี่ย์รอตัดเชือกกับเดนมาร์ก ซึ่งทะลุเข้ารอบรองชนะเลิศได้เป็นครั้งแรกในรอบ 29 ปี ที่เฉือนชนะเช็กไปหืดขึ้นคอ 2-1
เกมนี้อังกฤษส่งว่าที่แข้งรายใหม่ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดอย่างเจดอน ซานโช่ลงเป็นตัวจริงครั้งแรก และเป็นฝ่ายขึ้นนำอย่างรวดเร็วหลังเกมผ่านไปได้เพียงแค่ 4 เท่านั้นเอง โดยราฮีม สเตอร์ริ่งเก็บบอลได้จากทางนอกกรอบเขตโทษด้านซ้ายแล้วเลาะตัดเข้ากลางจ่ายทะลุช่องให้แฮร์รี่ เคนหลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปจิ้มด้วยปลายเท้าขวาบอลแฉลบไหล่นายทวารยูเครนอย่างจอร์จี้ บุชชานเปลี่ยนทางเข้าไปตุงตาข่าย
หลังจากนั้นอังกฤษก็เป็นฝ่ายกุมสถานการณ์ทั้งหมดเอาไว้ในกำมือ และมีโอกาสบวกเม็ดสองหลายต่อหลายครั้งแต่ก็นำแค่ 1-0 ในครึ่งแรก แต่เปิดฉากครึ่งหลังไปเพียงแค่ 58 วินาทีเท่านั้นเอง สิงโตคำรามก็ผงาดนำห่าง 2-0 เมื่อลุค ชอว์บรรจงปั่นฟรีคิกโค้งไปให้แฮร์รี่ แม็กไกวร์โขกเข้าไปไม่มีเหลือ
อังกฤษทิ้งห่างยูเครนออกไปเป็น 3-0 จากจังหวะที่สเตอร์ริ่งเก็บบอลทางฝั่งซ้ายแล้วไขว้ให้ชอว์เปิดเข้ากลาง ก่อนที่เคนจะเหมาลูกสองของเขาในเกมนี้ด้วยการโขกจ่อ ๆ เพียงแค่ 6 หลา ซึ่งนับเป็นประตูที่ 3 ในทัวร์นาเมนต์นี้ของดาวยิงจากสเปอร์ส หลังจากปลดล็อกได้ในเกมพิชิตเยอรมัน 2-0 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย
พลพรรคสิงโตคำรามยังคงไม่เพลาเครื่องเดินเกมรุกเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง ก่อนที่จะมาได้ประตูปิดท้ายในเกมนี้นาทีที่ 63 จากจังหวะที่เมสัน เม้าน์ทเปิดเตะมุมทางฝั่งขวาเข้าไปให้จอร์แดน เฮนเดอร์สัน มิดฟิลด์กัปตันทีมลิเวอร์พูล ซึ่งเพิ่งถูกเปลี่ยนลงไปเป็นตัวสำรองได้ไม่กี่อึดใจ โขกให้ทัพทรีไลออนส์ถล่มยูเครนยับ 4-0
ขณะที่เดนมาร์กก็เปิดฉากได้อย่างสวยหรูด้วยการใช้เวลาเพียงแค่ 5 นาทีในการออกนำเช็ก 1-0 จากจังหวะที่เยนส์ สตรีเกอร์บรรจงเตะมุมทางด้านขวาเข้าไปในเขตโทษให้โธมัส เดลานี่ย์ยืนโขกคนเดียวโล่ง ๆ กดลงพื้นระยะ 11 หลากระดอนพื้นผ่านมือโทมัส วาคลิคเข้าไปซุกก้นตาข่าย
ก่อนหมดครึ่งแรก 2 นาทีเดนมาร์กหนีห่างออกไปเป็น 2-0 เมื่อโยอาคิม เมห์เล่โชว์เหนือดีดไซด์ก้อยเข้าไปในเขตโทษให้แคสเปอร์ โดลเบิร์กแปด้วยขวาแค่ 6 หลาไม่พลาดเป้า
แม้ว่าเช็กจะตีไข่แตกได้อย่างรวดเร็วไล่มาเป็น 1-2 หลังจากผ่านครึ่งหลังไปได้เพียงแค่ 4 นาที โดยวลาดิเมียร์ ชูฟัลหยอดบอลเข้าไปในเขตโทษด้านขวาให้แพทริค ชิคตวัดซัดลอดขาแคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ซึ่งนับเป็นลูกที่ 5 ของชิคในศึกยูโร 2020 ขึ้นนำดาวซัลโวร่วมกับคริสเตียโน่ โรนัลโด้ของโปรตุเกส แต่ช่วงเวลาที่เหลือเช็กไล่ตีเสมอไม่สำเร็จและพ่ายไปแบบหวุดหวิด 1-2
