แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเตรียมงบเบื้องต้นเอาไว้ให้ผู้จัดการทีมคนใหม่อย่างเอริค เทน ฮากได้ชช็อปแข้งเข้าไปเสริมทัพเอาไว้เพียงแค่ 100 ล้านปอนด์ ซึ่งตกเป็นเงินไทยอยู่ที่ราว 4,200 ล้านบาท ซึ่งหากเทียบกับค่าตัวที่เฟ้ออยู่ในตอนนี้แล้วนั้นมันแทบจะคว้าแข้งใหม่ได้ไม่กี่รายเท่านั้นเอง หลังจากปีศาจแดงหมดลุ้นติดท็อปโฟร์ในพรีเมียร์ลีกอังกฤษฤดูกาลนี้ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นับตั้งแต้สิ้นยุคทองของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน แมนฯยูฯก็จับจายใช้สอยในการเสริมแข้งไปอย่างมากมายไม่ต่างไปจากการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำกว่า 1 พันล้านปอนด์ ซึ่งคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 42,000 บาทเลยทีเดียว นับตั้งแต่ปี 2013 แต่ผลที่ตอบแทนกลับมานั้นมันไม่ต่างจากความว่างเปล่าเอาเสียเลย เมื่อตู้เก็บถ้วยรางวัลที่โอลด์ แทรฟฟอร์ดนั้นมันแทบจะโดนหยากไย่เกาะจนเต็มตู้ไปหมดแล้ว กับการที่ปีศาจแดงได้เพียงแค่ “แชมป์ว่าว” แทบทุกฤดูกาลที่ผ่านมา
เท่านั้นมันยังไม่สาแก่ใจ ในเมื่อฤดูกาลนี้แมนฯยูฯทำผลงานได้อย่างสุดเลวร้ายนับตั้งแต่มีศึกพรีเมียร์ลีกขึ้นมาเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการเก็บแต้มรวมทั้งซีซั่นได้น้อยที่สุด การโดนคู่แข่งกระทุ้งตาข่ายในฤดูกาลเดียวมากเป็นประวัติการณ์ และความปราชัยนอกรังที่ติดต่อกันมากที่สุดในรอบ 41 ปีของประวัติศาสตร์สโมสร
นอกจากนี้ซีซั่นหน้าแมนฯยูฯยังหมดสิทธิ์ไปบรรเลงเพลงแข้งบนสังเวียนยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกรอบแบ่งกลุ่มแบบอัตโนมัติจากการที่หลุดท็อปโฟร์ ทำให้นับเป็นเรื่องเสียหายอย่างใหญ่หลวงเพราะว่าผีแดงจะขาดรายได้ไปเป็นจำนวนมหาศาลจากการไม่ได้ไปชิงชัยในศึกถ้วยยุโรปใบใหญ่สุดใบนี้
ตอนนี้แมนฯยูฯทำได้ดีที่สุดก็คือการรักษาพื้นที่โควตายูโรปา ลีกเอาไว้ให้ได้ ซึ่งตอนนี้พลพรรคเร้ดอาร์มี่อยู่ในอันดับ 6 บนตารางพรีเมียร์ลีกมี 58 คะแนนจาก 37 นัด แต่ก็ทิ้งห่างอันดับ 7 ซึ่งจะได้โควตายูฟ่า ยูโรปา คอนเฟอเรนซ์ ลีก อย่างเวสต์แฮม ยูไนเต็ดเพียงแค่ 3 แต้ม แถมลงเล่นมากกว่าขุนค้อนหนึ่งนัด
สุดท้ายหากแมนฯยูฯจำเป็นต้องหลนลงไปเล่นในถ้วยยุโรปใบจิ๋วสุดอย่างยูฟ่า ยูโรปา คอนเฟอเรนซ์ ลีกแล้วนั้นมันคงเป็นเรื่องที่แสนอับอายและสุดเศร้าของบรรดาสาวกปีศาจแดงทั่วทุกมุมโลกเลยทีเดียว โดยเมื่อหากนำไปเทียบกับยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกในเรื่องของเงินรางวัลที่จะได้รับแล้วนั้นมันช่างต่างกันราวฟ้ากับดินเลยทีเดียว หนำซ้ำทำให้มีโปรแกรมเพิ่มมากขึ้นโดยใช่เหตุอีกด้วย
