ชั่วโมงนี้หนึ่งในเรื่องที่เป็นประเด็นร้อนสำหรับชาวโลกนั่นก็คือการกลับมาแพร่ระบาดรอบใหม่ของเจ้าไวรัสวายร้ายอย่างโควิดที่เล่นงานจนอ่วมไปตาม ๆ กันทั่วทุกมุมโลกเลยทีเดียว รวมทั้งมันยังมีวิวัฒนาการอัพเกรดตัวเองให้กลายพันธ์ได้อีกต่างหาก ทำให้แต่ละประเทศต่างหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่งพร้อมออกกฎเหล็กให้มีการกักตัวผู้ที่จะเดินทางเข้ามาในแต่ละประเทศในจำนวนวันที่ลดหลั่นกันไปตามความเข้มงวดของแต่ละชาติ
สำหรับประเทศที่มีกฎเหล็กเข้มงวดสุด ๆ ต้องยกให้อังกฤษ หลังจากที่ทางรัฐบาลเมืองผู้ดีมีประกาศออกมาให้ผู้ที่เดินทางมาจากโปรตุเกส, ทุกชาติในทวีปอเมริกาใต้ และบางชาติในทวีปแอฟริกาใต้ต้องทำตามระเบียบด้วยการถูกกักตัวเอาไว้ในโรงแรมของสนามบินเป็นเวลาอย่างน้อย 10 วันเพื่อเป็นการเฝ้าระวังเจ้าเชื้อไวรัสมรณะโควิด ซึ่งงานนี้เส้นสายก็ไม่ช่วยได้เนื่องจากทุกคนต้องปฏิบัติตามกฏไม่เว้นแม้แต่แข้งระดับซุปตาร์ก็ตาม
จากกรณีดังกล่าวทำให้สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ปวดหัวไม่น้อยเนื่องจากในเดือนมีนาคมมีโปรแกรมรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2012 ที่แต่ละสโมสรต้องส่งตัวนักเตะในสังกัดกลับไปรับใช้ชาติตามระเบียบทีทางฟีฟ่าได้ประกาศออกมาก่อนหน้านี้ว่าแต่ละทีมไม่มีสิทธิ์กักตัวพ่อค้าแข้งกลับไปเล่นให้บ้านเกิดหากอยู่ในช่วงคิวเตะ “ฟีฟ่าเดย์” แต่ชั่วโมงนี้ฟีฟ่าก็มีทีทีท่าอ่อนลงไปไม่น้อยพร้อมความเห็นใจและเตรียมผ่อนปรนให้บรรดาสโมสรต่าง ๆ ไม่ต้องส่งนักเตะในสังกัดกลับไปรับใช้ชาติยาวออกไปจนถึงสิ้นเดือนเมษายนนี้ ซึ่งจะอนุญาตให้เฉพาะชาติที่มีกฎเหล็กในการกักตัวอย่างน้อย 5 วัน
จากการเตรียมเปิดไฟเขียวของฟีฟ่าในครั้งนี้นับเป็นข่าวดีของเหล่าทีมดังในพรีเมียร์ลีกอังกฤษที่ต่างใช้บริการดาวเตะที่เข้าเครือข่ายต้องถูกกักตัวอยู่ไม่เลยในแต่ละทีม โดยเฉพาะทีมชั้นนำอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้, ลิเวอร์พูล, และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รวมไปถึงวูล์ฟแฮมป์ตัน ซึ่งรายหลังหากฟีฟ่าไม่เปิดไฟเขียวก็จะโดนผลกระทบเข้าไปเต็ม ๆ เนื่องจากใช้บริการพ่อค้าแข้งที่เข้าข่ายมากกว่าครึ่งทีม
นอกจากนี้การโม่แข้งในพรีเมียร์ลีกกำลังเข้มข้นและงวดเข้าไปทุกทีไม่ว่าจะเป็นการลุ้นแชมป์ของยักษ์ใหญ่อย่างแมนฯซิตี้, ลิเวอร์พูล และแมนฯยูฯ ขณะที่การลุ้นพื้นที่เพื่อให้ได้โควต้าไปโชว์เพลงแข้งบนเวทียุโรปในฤดูกาลหน้านั้นก็มันไม่แพ้กัน แม้ว่าทางด้านโซนหนีตายอาจจะไม่ค่อยตื่นเต้นสักเท่าไหร่เพราะว่าห่างทีมโซนปลอดภัยมากถึง 10 แต้ม
