แฟรงกี้ยอมเฉือนเนื้อเพื่อให้ได้ย้ายไปเรือใบสีฟ้า

งานนี้แฟนของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดคงต้องเตรียมตัวทำอกทำใจกันไม่น้อยว่าอาจจะไม่ได้ตัวแฟรงกี้ เดอ ยองไปเสริมทัพในฤดูกาลหน้า หลังจากล่าสุดดาวเตะทีมชาติฮอลแลนด์กระสันอยากย้ายไปเล่นในพรีเมียร์ลีกอังกฤษร่วมกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้เป็นอย่างมาก โดยถึงขนาดที่เจ้าตัวจะยอมทิ้งค่าเหนื่อยก้อนโตที่ต้นสังกัดอย่างบาร์เซโลน่าติดค้างอยู่ในตอนนี้เลยทีเดียว
แม้ว่าก่อนหน้านี้มีข่าวลืออย่างหนาหูว่าแฟรงกี้จะย้ายกลับมาร่วมงานกับเอริค เทน ฮากอีกครั้งที่แมนฯยูฯ หลังจากกุนซือมือเทพเคยเป็นคนปั้นจนเจ้าตัวโด่งดังขึ้นมาตั้งแต่ค้าแข้งกับยักษ์ใหญ่ในบ้านเกิดอย่างอาแจ๊กซ์ อัมสเตอร์ดัม ขณะเดียวกันเป๊ป กวาร์ดิโอล่า ผู้จัดการทีมคนเก่งของแมนฯซิตี้ ก็อยากได้ตัวไปเสริมทัพเช่นกันหลังพลาดไปเมื่อ 3 ปีก่อนหน้านี้
เมื่อปี 2019 แมนฯซิตี้ไม่ยอมจ่าค่าตัวเป็นจำนวนเงิน 65 ล้านปอนด์ ซึ่งคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 2,860 ล้านบาท ในการคว้าตัวแฟรงกี้ไปสู่ถิ่นเอติฮัด สเตเดี้ยม ทำให้สุดท้ายโดนบาร์เซโลน่าปาดหน้าคว้าตัวไปเสริมแกร่ง แต่ล่าสุดบาร์ซ่าตกอยู่ในสภาวะถังแตกจนต้องขายแข้งหลายคนออกจากคัมป์นู และช่วงซัมเมอร์นี้ดาวเตะดัตช์ก็เป็นหนึ่งในแข้งที่โดนหมายหัวเอาไว้ว่าจะโละทิ้ง
ตอนนี้แฟรงกี้รับค่าเหนื่อยจากบาร์เซโลน่าสัปดาห์ละ 400,000 ปอนด์ ซึ่งตีเป็นเงินไทยตกที่ราว 17 ล้านบาท หลังหักภาษีแล้ว แต่ว่าโคตรทีมจากแดนกระทิงดุยังคงค้างชำระค่าเหนื่อยมาจนตอนนี้ ทำให้สตาร์ดัตช์วัย 25 ปียอดกลั้นใจไม่เอาค่าเหนื่อยที่ค้างเพื่อขอให้เปิดทางได้ย้ายไปเล่นให้แมนฯซิตี้ โดยยอมทิ้งเงินก้อนโตเป็นค่าเหนื่อยที่ค้างจ่ายจำนวนถึง 6 ล้านปอนด์ ซึ่งตีเป็นเงินไทยตกที่ราว 264 ล้านบาทเลยทีเดียว
อย่างไรก็ดีงานนี้กุนซือลูกหม้อหนุ่มไฟแรงของบาร์ซ่าอย่างชาบี เอร์นานเดซก็ไม่ยอมเสียเปรียบง่าย ๆ และพร้อมที่จะขอของแถมพ่วงมาหากเกิดดีลครั้งนี้ โดยปักหมุดไปที่แบร์นาโด้ ซิลวา ปีกตัวจี๊ดทีมชาติโปรตุเกส หรือ ราฮีม สเตอร์ลิง ดาวเตะทีมชาติอังกฤษ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการเจรจาด้วย
ขณะเดียวกันนั้นก็เป็นไปตามคาดว่าอันโตนิโอ รือดิเกอร์จะไม่ได้เล่นในพรีเมียร์ลีกให้เชลซีในฤดูกาลหน้าอีกต่อไป หลังจากล่าสุดปราการหลังทีมชาติเยอรมันออกมาเปิดปากด้วยตนเองแล้วว่าต้องการย้ายออกจากถิ่นแตมฟอร์ด บริดจ์หลังหมดสัญญาค้าแข้งกับสิงห์บลูหลังจบซีซั่นนี้ แต่ยังสงวนท่าทีไม่เปิดเผยว่าที่สโมสรใหม่แต่อย่างใด แต่งานนี้คงหนีไม่พ้นกำมือของโคตรทีมแห่งลา ลีกาสเปนอย่างเรอัล มาดริด