เคนแสดงจุดยืนลาไก่ย้ายซบเรือใบสีฟ้า

แฮร์รี่ เคน ดาวยิงทีมชาติอังกฤษ ออกมาแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าต้องการย้ายจากสเปอร์สไปเล่นให้กับทีมแชมป์พรีเมียร์ลีกอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ หลังจากได้เข้าพบประธานไก่เดือยทองเพื่อแจ้งความประสงค์ในเรื่องนี้ไปแล้ว
เคนออกอาการไม่พอใจไม่น้อยเลยทีเดียวทางสเปอร์สยังดื้อดึงที่จะไม่ขายให้แมนฯซิตี้ รวมทั้งยังมีคดีที่โดนกล่าวหาว่าโดดซ้อม ทั้ง ๆ ที่ได้รับไฟเขียวให้พักนานกว่าแข้งรายอื่นเพราะว่าไปกรำศึกยูโร 2020 ร่วมกับทัพสิงโตคำรามนั่นเอง
นอกจากนี้ยังมีข่าวล่าสุดออกมาว่าทางด้านแมนฯซิตี้ยังคงไม่ลดละความพยายามที่จะไล่ล่าตัวเคนไปเป็นทายาทของเซร์คิโอ อเกวโร่ เสือเฒ่าทีมชาติอาร์เจนติน่า ที่ย้ายไปเล่นในเวทีลา ลีกากับบาร์เซโลน่าแบบฟรี ๆ หลังหมดสัญญากับเรือใบสีฟ้าหลังจบฤดูกาลที่ผ่านมา
แมนฯซิตี้พร้อมที่จะอัพจำนวนเงินในการยื่นข้อเสนอเพื่อขอซื้อเคนอีกรอบเป็นการส่งท้ายตลาดซื้อขายนักเตะรอบแรกที่จะปิดตัวลงไปในวันที่ 31 สิงหาคม 2564 และต่างพากันเชื่อว่าข้อเสนอใหม่จากทางเรือใบสีฟ้าน่าจะทำให้เลวี่ใจละลายย่อมปล่อยเคนได้เลยทีเดียว
ทางด้านโจวานี่ โคโบลี่ จีญี่ อดีตประธานสโมสรยูเวนตุส ออกโรงกระตุ้นให้ทีมตราม้าลายรีบขายคริสเตียโน่ โรนัลโด้ สุภาพบุรุษลูกหนังทีมชาติโปรตุเกส ไปให้เร็วที่สุด ซึ่งจะทำให้ส่งผลดีต่อทุกฝ่ายด้วยกันนั่นเอง
แม้ว่ายูเวนตุสยอมทุ่มเงินก้อนโตถึง 100 ล้านยูโร ซึ่งตีเป็นเงินไทยตกอยู่ที่ราว 3,800 ล้านบาท เพื่อกระชากตัวโรนัลโด้มาจากเรอัล มาดริดในช่วงซัมเมอร์ปี 2018 และกัปตันทีมฝอยทองก็โชว์ฟอร์มได้ตามมาตรฐาน แต่สุดท้ายก็ยังไม่เป็นที่พอใจของยูเว่ เนื่องจากเป้าหมายหลักของพลพรรคเบียงโคเนรี่นั้นก็คือการกลับมาผงาดคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกให้ได้อีกสมัยนั่นเอง
ขณะเดียวกันนั้นโรนัลโด้ก็ตกเป็นกระแสข่าวการย้ายทีมอย่างหนักหน่วงมาตลอด โดยมีข่าวว่าทางยูเวนตุสพร้อมที่จะปล่อยตัวเพื่อลดภาระค่าเหนื่อยที่ต้องแบกเอาไว้จนหลังแทบหักอยู่แล้วในตอนนี้ และก็มีหลายสโมสรยักษ์ใหญ่ในยุโรปสนใจที่จะเซ้งไปใช้งานต่อ
สถานการณ์การค้าแข้งระหว่างโรนัลโด้กับทางฝั่งยูเวนตุสนั้นไม่ค่อยจะสู้ดีสักเท่าไหร่ หลังจากล่าสุดอดีตดาวเตะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดและเรอัล มาดริดโดนจับนั่งสำรองในเกมกัลโช่ เซเรีย อาอิตาลีนัดเป็นสนามที่ปะทะกับอูดิเนเซ่ และนี่น่าจะเป็นการส่งสัญญาณได้ดีถึงเวลาการค้าแข้งของโรนัลโด้กับยูเว่ลดน้อยถอยลงไปทุกทีแล้ว