ข่าวฟุตบอล

เลาะตะเข็บเก็บบ่อเกิดลูกหนัง

                ฟุตบอล นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งชนิดกีฬาที่เป็นขวัญใจมหาชนคนทั่วโลกไม่ว่าจะเป็นระดับสโมสรหรือระดับทีมชาติก็ตาม  โดยระดับชาติที่ฮอตฮิตติดลมบนก็คงไม่พ้นศึกฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ซึ่งจัดขึ้น 4 ปีต่อครั้ง  และศึกยูโร หรือ ศึกชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ซึ่งจัดขึ้น 4 ปีต่อครั้ง รวมไปถึงระดับสโมสรถ้วยยุโรปอย่างยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ ลีก,  ยูโรป้า ลีก และถ้วยใหม่ในฤดูกาลนี้อย่างยูฟ่า คอนเฟอเรนซ์ ลีก

                เชื่อเหลือเกินว่าคงมีคอลูกหนังจำนวนไม่น้อยที่ต่างสืบหาที่มาของต้นตอบ่อกำเนิดลูกหนังอย่างแท้จริง  โดยที่ปักใช่เชื่อกันเสียเป็นส่วนใหญ่นั่นก็คือเกิดขึ้นที่อังกฤษเมื่อช่วงปี พ.ศ. 2406 ซึ่งได้มีการจัดตั้งสมาคมขึ้นมาอย่างจริงจังพร้อมมีจัดการแข่งขันควบคู่ไปด้วย  โดยนำเอาลูกหนังทรงกลมมาฟาดแข้งแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย และได้รับความนิยมกันไปทั่วโลก  ขณะเดียวกันนั้นก็มีอีกกระแสหนึ่งว่าฟุตบอลอาจจะถือกำเนิดที่อิตาลีหรือฝรั่งเศสอีกด้วย

                สำหรับกฎกติกามารยาทของเกมลูกหนังที่ใช้สืบทอดกันมาจวบจนทุกวันนี้นั่นก็คือในแต่ละแมตช์จะแข่งขันกัน 90 นาทีพร้อมแบ่งออกเป็นครึ่งละ 45 นาที  และหากเป็นบอลลีกหรือบอลทัวร์นาเมนต์รอบแบ่งกลุ่มก็จะยึดเอาผลการแข่งขันหลังจบ 90 นาทีรวมทดเวลาบาดเจ็บแต่ละครึ่ง

                แต่หากเป็นการแข่งขันรายการฟุตบอลถ้วยนับตั้งแต่รอบน็อกเอาท์ขึ้นไปหากภายใน 90 นาทีสกอร์ของทั้งสองฝ่ายยังเสมอกันก็จะมีการต่อเวลาพิเศษออกไปอีก 30 นาที ซึ่งแบ่งออกเป็นครึ่งละ 15 นาที  แต่สุดท้ายแล้วยังมีสกอร์ออกมาเสมอกันอีก  คราวนี้ก็ต้องไปตัดสินขั้นฏีกาด้วยการดวลลูกจุดโทษฝ่ายละ 5 คน

                อย่างไรก็ดีในการดวลจุดโทษหากผลการแข่งขันของทั้งสองฝั่งยังเท่ากันอีก  หลังจากนั้นก็จะให้ยิงกันแบบ “ซัตเดิ้ลเดท” ซึ่งจะส่งตัวแทนทีมละ 1 คนมายิงจุดโทษจนกว่าจะรู้ผลแพ้ชนะ  ซึ่งบางครั้งก็มีการยิงกันสุดมันจนวนกลับไปที่คนแรก  ซึ่งผู้เล่นที่มีสิทธิ์ยิงจุดโทษในการดวลลูกโทษต้องเป็นผู้เล่นที่ยังคงอยู่ในสนามหลังจบการแข่งชันช่วงธรรมดารวมต่อเวลาพิเศษ 120 นาที  ดังนั้นเราจึงมักเห็นกันบ่อย ๆ ว่าบางทีมจะมีมือสังหารจุดโทษที่ถูกเปลี่ยนลงไปปฏิบัติการเฉพาะกิจนี้  เช่นเดียวกับที่มีการเปลี่ยนตัวผู้รักษาประตูที่เป็นจอมเซฟจุดโทษลงไปเพื่อการนี้เป็นพิเศษ

                คราวนี้มาลองดูถึงกติกาในระหว่างเกมการแข่งขันแต่ละแมตช์กันบ้าง  โดยหากมีผู้เล่นฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทำผิดกติกาหรือทำฟาวล์รุนแรงก็จะได้รับใบเหลือง ซึ่งหากได้รับ 2 ใบเหลืองในเกมเดียวกันก็จะโดนไล่ออกจากสนาม  รวมทั้งใบเหลืองนั้นมันก็มีอาฟเต้อช้อกต่อไปในอนาคตนั่นก็คือบอลทัวร์นาเมนต์ที่มีการสะสมใบเหลืองครบ 2 ใบเมื่อไหร่ก็จะโดนแบนในเกมถัดไป  ขณะเดียวกันนั้นหากมีการตั้งใจทำฟาวล์อย่างน่าเกลียดชนิดที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อคู่แข่งหรือการทำฟาวล์ที่ยืนเป็นตัวสุดท้ายไม่รวมผู้รักษาประตูแล้วเป็นการขัดขวางคู่แข่งในการทำประตูก็จะโดนใบแดงไล่ออกจากสนามไปทันที

                ส่วนในเรื่องของการเปลี่ยนตัวนั้นตอนนี้ได้มีการปรับเปลี่ยนใหม่เพื่อเป็นการเซฟสุขภาพของนักเตะ  โดยสามารถเปลี่ยนตัวได้ในช่วง 90 นาทีเกมละ 5 คนแต่เปลี่ยนได้ทั้งเกมแค่ 3 ครั้ง  และไม่รวมการเปลี่ยนตัวระหว่างช่วงพักครึ่งแรก  ขณะเดียวกันหากเป็นบอลถ้วยรอบน็อกเอาท์ก็จะให้เปลี่ยนตัวเพิ่มได้อีก 2 คนในช่วงต่อเวลาพิเศษไปอีก 30 นาที ซึ่งแบ่งเป็นครึ่งละ 15 นาทีนั่นเอง

                สำหรับที่เป็นจุดสนใจกันไม่น้อยในตอนนี้นั่นก็คือการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยผู้ตัดสินในการตัดสินเกมนั่นก็คือ VAR  (Video Assistant Referee) ที่ส่งผลชี้เป็นชี้ตายในจังหวะสำคัญ ๆ ของแต่ละเกมไม่น้อยเลยทีเดียว เราจะเห็นได้จากการที่มีการส่งลูกตุงตาข่ายแต่กลับโดนริบสกอร์จาก “วีเออาร์” ที่ฟ้องภาพออกมาว่าอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าหรือไม่ก็มีการทำฟาวล์ก่อนจังหวะการพังประตู

                อย่างไรก็ดีวีเออาร์ไม่ได้ถูกนำมาใช้กันพร่ำเพรื่อจนหยุดเกมบ่อยเสียรสชาติแต่อย่างใด  โดยหลักการใช้วีเออาร์นั้นจะใช้เฉพาะในการตัดสินกรณีที่มีการทำประตูเกิดขึ้น  รวมไปถึงการทำฟาวล์รุนแรงที่ผู้ตัดสินในเกมไม่ทันได้เห็นเหตุการณ์สำคัญนั้น

แสดงเพิ่มเติม

Related Articles

takin slot nemo slot khotsian kaujing joker123 game epicwin slot pgslot game kingkong slotxo
Back to top button
P