หงส์หมดสภาพ,เรือใบโหดจัดปลัดบอก

ลิเวอร์พูลยังคงทำผลงานในศึกพรีเมียร์ได้อย่างสุดจะทานทนอย่างต่อเนื่อง ลิเวอร์พูลพ่ายติดต่อกันเป็นนัดที่ 3 หลังจากออกไปโดนเลสเตอร์ ซิตี้รัวท้ายเกมแซงปล้นชัยไป 3-1 ขณะที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ยังคงฟอร์มสุดปังปุริเยเปิดเอติฮัด สเตเดี้ยมสอนเชิงสเปอร์สไปสบายเกือก 3-0 ในเกมลีกสูงสุดเมืองผู้ดีเมื่อวันเสาร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2564
ลิเวอร์พูลจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องคว้าสามแต้มสำคัญกลับออกไปจากคิงส์ เพาเวอร์ สเตเดี้ยมให้ได้สถานเดียวเพื่อต่อโอกาสลม ๆ แล้ง ๆ ในการลุ้นป้องกันแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ และก็ดูเหมือนทุกอย่างจะเป็นไปได้สวยด้วยการซัลโวของโมฮาเหม็ด ซาลาห์ในนาทีที่ 67 ให้หงส์แดงบุกไปนำจิ้งจอกสยามได้ตามเป้า 1-0
แต่หลังจากนั้นสถานการณ์ทุกอย่างก็พลิกจากหน้ามือกลายเป็นหลังมือไปแบบสายฟ้าแลบ โดยเลสเตอร์ใช้เวลารวมกันเพียงแค่ 6 ในนาทีเท่านั้นในการรัวสามดอกรวดแซงเข้าป้ายไป 3-1 เริ่มจากการบรรจงปั่นฟรีคิกทางข้างเขตโทษด้านซ้ายเข้าไปตุงตาข่ายของเจมส์ แมดดิสันในนาทีที่ 78 แม้ว่าจะมีการเช็กวีเออาร์ว่ามีแข้งเจ้าถิ่นอยู่ในจังหวะล้ำหน้า แต่สุดท้ายก็กลายเป็นประตูตีเสมอของอดีตแชมป์เก่า
หลังจากนั้นอีกเพียงแค่ 3 นาทีแฟนบอลลิเวอร์พูลก็ต้องพากันช็อกตาตั้งทั่วทั้งโลกเมื่ออลิสซง เบ็คเกอร์ออกมาตัดบอลนอกรอบเขตโทษพลาดบอลไปเข้าทางปืนเจมี่ วาร์ดี้ลากประคองเข้าไปแปโล่ง ๆ ก่อนที่นาที 85 ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์จะมาซัดตอกฝาโรงย้ำชัยไป 3-1
ทางด้านแมนฯซิตี้ยังคงเดินหน้าสร้างสถิติไร้เทียมทานด้วยการเป็นทีมในลีกสูงสุดของเมืองผู้ดีโกยชัยติดต่อกันในทุกรายการปาเข้าไปเป็นนัดที่ 16 โดยโรดรี้รับหน้าที่สังหารจุดโทษให้เรือใบสีฟ้าออกนำในครึ่งแรก 1-0 ก่อนที่อิลกาย กุนโดกันจะตะบันอีกคนเดียวสองเม็ดในครึ่งหลังให้ลูกทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอล่าคว้าชัยไปชิล ๆ 3-0
จากชัยชนะในเกมนี้ทำให้แมนฯซิตี้นำโด่งในฐานะจ่าฝูงด้วยการทิ้งห่างแชมป์เก่าอย่างลิเวอร์พูลออกไปเป็น 13 แต้มแถมเรือใบสีฟ้ายังมีเกมตกค้างในมืออีกหนึ่งนัด ขณะเดียวกันนั้นนับเป็นความผิดพลาดส่วนตัวของอลิสซงติดต่อกันเป็นเกมที่ 2 หลังจากสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่งจะเป็นต้นเหตุให้ลิเวอร์พูลถูกแมนฯซิตี้บุกมารัวคารังพังยับ 4-1 มาหมาด ๆ
นอกจากนี้ลิเวอร์พูลยังมีสถิติใหม่ที่ไม่น่าจดจำจากฐานะการเป็นแชมป์เก่าแล้วฤดูกาลถัดมามีผลงานต่างกันราวฟ้ากับดินอย่างสิ้นเชิง โดยหากมองย้อนไปในซีซั่นที่แล้วหลังผ่านไป 24 นัดลูกทีมของเจอร์เก้น คล็อปป์โกยไปได้ถึง 70 คะแนน ขณะที่ตอนนี้พวกเขากลับเก็บไปได้เพียงแค่ 40 แต้มเท่านั้นเอง