แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จ่าฝูงพรีเมียร์ลีกอังกฤษ พร้อมควงแขนทีมคู่ปรับตัวฉกาจร่วมลีกอย่างลิเวอร์พูลในการไล่ล่าตัวบูกาโย่ ซาก้า ปีกดาวโรจน์ทีมชาติอังกฤษของอาร์เซน่อล ไปเสริมแนวรุกในฤดูกาลหน้า หากสุดท้ายปืนใหญ่ไม่สามารถจบฤดูกาลนี้ด้วยการติดท็อปโฟร์ และพลาดตั๋วไปลุยศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกรอบแบ่งกลุ่มแบบอัตโนมัติในซีซั่นหน้า โดยตอนนี้ยังไม่สามารถการันตีอันดับ 4 ได้เลย
แม้ว่ ซาก้าเพิ่งจะมีวัยเพียงแค่ 20 ปีเท่านั้นเอง แต่กลับสามารถโชว์ฟอร์มเทพได้เหนือกว่าอายุมากมายจนตอนนี้กลายเป็นแกนหลักของอาร์เซน่อลไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รวมทั้งในซีซั่นนี้ยังมีผลงานกับทีมปืนใหญ่ที่ไฉไลกว่าเดิมอีกต่างหาก หลังจากทั้งยิงทั้งจ่ายเป็นว่าเล่นจนตกเป็นเป้าหมายของสองยักษ์ใหญ่ในบ้านเกิดอย่างแมนฯซิตี้ และลิเวอร์พูล
ตอนนี้ซาก้าเหลือสัญญาค้าแข้งกับอาร์เซน่อลไปจนถึงช่วงซัมเมอร์ปี 2023 และทางทีมปืนโตก็พยายามทุกวิถีทางที่จะต่อสัญญากับเจ้าหนูมหัศจรรย์วัย 20 ปี โดยหวังจะให้อยู่เป็นกำลังสำคัญในถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยมไปตราบนานเท่านาน
เชื่อเหลือเกินว่าหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่มันจะทำให้ซาก้าต่อสัญญากับอาร์เซน่อลหรือไม่นั้นมันขึ้นอยู่กับว่าทีมปืนใหญ่จะได้ตั๋วไปลุยศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกรอบแบ่งกลุ่มแบบอัตโนมัติในซีซั่นหน้าหรือไม่
อาร์เซน่อลรั้งอันดับ 6 ของตารางพรีเมียร์ลีกจากการมี 36 คะแนนจาก 21 นัด ตามหลังอันดับ 4 ซึ่งเป็นพื้นที่สุดท้ายที่จะได้ตั๋วยูซีแอลในฤดูกาลหน้า อย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดห่างเพียงแค่ 2 แต้มเท่านั้น แถมทีมของซาก้ายังลงเล่นน้อยกว่าปีศาจแดงหนึ่งเกมอีกด้วย
อย่างไรก็ดีนับได้ว่าตอนนี้สถานการณ์ในการลุ้นอันดับ 4 ของตารางพรีเมียร์ลีกนั้นมันเข้ามาสู่ช่วงที่เข้มข้นเหลือเกิน โดยยังไม่สามารถฟันธงได้เลยว่าทีมใดจะเข้าป้ายหลังจบซีซั่นนี้ในอันดับ 4 และเป็นการเบียดแย่งกันอย่างสุดมันระหว่างแมนฯยูฯ, เวสต์แฮม ยูไนเต็ด, อาร์เซน่อล และสเปอร์ส
หากสุดท้ายซีซั่นนี้จบแบบไม่สวยด้วยการที่อาร์เซน่อลพลาดโอกาสทองไปลุยศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกในฤดูกาลหน้าแล้วล่ะก็ ทำให้มีโอกาสสูงไม่น้อยเลยทีเดียวที่ซาก้าจะคิดถึงการย้ายออกจากถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม เนื่องจากมั่นอกมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าฟอร์มเทพของตนเองในตอนนี้นั้นมันมีดีพอที่จะไปวาดลวดลายในสังเวียนบอลถ้วยใบใหญ่สุดของยุโรปได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งนั่นก็เท่ากับเป็นการเปิดโอกาสให้สองยักษ์ใหญ่ในบ้านเกิดอย่างแมนฯซิตี้ และลิเวอร์พูลนั่นเอง
