เรือใบเคี้ยวทอฟฟี่ทุบสถิติพรีเมียร์ลีก

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ได้จัดการจารึกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับศึกพรีเมียร์ลีกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากยกพลบุกไปอัดเอฟเวอร์ตันคากูดินสัน ปาร์ค 3-1 เมื่อค่ำคืนวันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564 พร้อมกับส่งให้ เรือใบสีฟ้าจารึกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ในวงการลูกหนังเมืองผู้ดีด้วยการที่ แมนซิตี้ทำสถิติชนะ 10 นัดรวด ในเกมลีกสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 1 ของแต่ละปี
เจ้าหนูดาวโรจน์ดีกรีทีมชาติอังกฤษซัลโวให้แมนฯซิตี้บุกไปนำ 1-0 ตั้งแต่นาทีที่ 35 ก่อนที่ริชาร์ลิซอนจะพังประตูให้เอฟเวอร์ตันในอีก 5 นาทีถัดมา ทำให้จบครึ่งแรกกันไปด้วยสกอร์ 1-1
ครึ่งหลังแมนซิตี้ก็ยังคงเป็นฝ่ายกุมเกมเหมือนเช่นเดียว และก็นวดไปเรื่อย ๆ จนได้ประตูขึ้นนำอีกครั้งในนาทีที่ 63 จากการสังหารของริยาต มาห์เรซ ก่อนที่แบร์นาโด้ ซิลวาจะมาตอกฝาโรงในนาทีที่ 77 ให้เรือใบสีฟ้าแล่นฉิวกลับออกไปพร้อมสามแต้มที่สกอร์ 3-1
ชัยชนะในเกมนี้ทำให้ลูกทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอล่ามีเพิ่มเป็น 56 คะแนนจาก 24 นัดทิ้งห่างคู่กัดร่วมเมืองอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดไม่เห็นฝุ่น 10 แต้ม นอกจากนี้ยังมีสถิติที่น่าสนใจของเรือใบสีฟ้าอีกอย่างนั่นก็คือพวกเขาไม่เคยตกเป็นฝ่ายตามหลังคู่แข่งไปแล้ว 16 นัดรวดเลยทีเดียว
สำหรับผลเสมอนัดสุดท้ายของแมนฯซิตี้คงต้องโย้นกลับไปถึงเมื่อ 15 ธันวาคม 2563 ที่ถูกเวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยนแชร์แต้มไปด้วยสกอร์ 1-1 แต่นั่นก็ไม่ใช่สาระสำคัญแต่อย่างใด เมื่อตอนนี้ทัพเรือใบสีฟ้าอยู่ในทุกเส้นทางลุ้นทุกแชมป์เลยทีเดียว
ฤดูกาลนี้แมนฯซิตี้มีโอกาสสร้างผลงานสุดปังปุริยได้ไม่น้อยเลยทีเดียว โดยเรือใบสีฟ้าจะลุ้นแชมป์แรกในถ้วยคาราบาว คัพรอบชิงชนะเลิศกับสเปอร์สในวันที่ 25 เมษายน 2564 ขณะเดียวกันคู่ต่อกรในเอฟเอพ คัพรอบก่อนรองชนะเลิศนั่นก็คือเอฟเวอร์ตัน ส่วนสถานการณ์ในลีกสูงสุดเมืองผู้ดีคงไม่มีผลิกโผน่าจะชูถ้วยแชมป์ในบั้นปลาย ทางด้านยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกก็ต้องไปลุ้นกับการจับสลากประกบคู่รอบต่อ ๆ ไป ซึ่งในรอบ 16 ทีมสุดท้ายนั้นเรือใบสีฟ้าจะต้อนรับทีมแกร่งแห่งบุนเดสลกาอย่างโบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค
อย่างไรก็ดีซีซั่นนี้มีโอกาสทองที่แมนฯซิตี้จะได้ชูถ้วย “บิ๊กเอียร” เป็นสมัยแรกในประวัติศาสตร์สโมสร เนื่องจากพลพรรคเรือใบสีฟ้ากำลังอยู่ในช่วงมั่นใจสุด ๆ และคู่แข่งที่เหลือนั้นมันก็ไม่ได้ดูว่าเหลือบ่ากว่าแรงลูกทีมเป๊ปแต่อย่างใด