ลีโอเนล เมสซี่ มหาเทพลูกหนังทีมชาติอาร์เจนติน่าของทีมเจ้าบุญทุ่มในลีกเอิงฝรั่งเศสอย่างปารีส แซงต์ แชร์กแมง นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งนักเตะที่ได้รับความสนใจพร้อมทั้งมีแฟนคลับทั่วโลกเป็นจำนวนมหาศาล และวันนี้เราจะมาล้วงแคะแกะเกาเจาะลึกลงไปถึงประวัติของเมสซี่กันดีกว่า
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 1987 โลกเบี้ยว ๆ ใบนี้ได้ถือกำเนิดของสุดยอดแข้งในสามโลกอย่างเมสซี่ หลังจากนั้นเจ้าตัวก็เอาดีทางด้านฟุตบอลอย่างจริงจังจากการย้ายไปเล่นให้ตัวพ่อในลา ลีกาสเปนอย่างบาร์เซโลน่าด้วยวัยเพียงแค่ 13 ปีเท่านั้นเอง ก่อนที่จะได้ลงประเดิมสนามในเกมอย่างเป็นทางการให้บาร์ซ่าเมื่อเดือนตุลาคม 204 ในวัย 17 ปี
หลังจากนั้นเส้นทางค้าแข้งของเมสซี่ก็โรยไปด้วยกลีบกุหลาบ โดยเฉิดฉายแววของมหาเทพลูกหนังนับตั้งแต่ถูกดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของบาร์ซ่าเมื่อปี 2007 และก็เปิดตัวได้อย่างสวยหรูด้วยการนำต้นสังกัดฟันทริปเปิ้ลแชมป์ในฤดูกาล 2008 – 2009 หลังจากนั้นซุปตาร์อาร์เจนไตน์ก็เดินหน้าทุบสถิติต่าง ๆ ลงไปเป็นว่าเล่น โดยเฉพาะการกวาดรางวัลบัลลงดอร์ไปได้มากที่สุดถึง 6 สมัยเลยทีเดียว รวมทั้งล่าสุดก็ประสบความสำเร็จในทีมชาติกับเขาเสียดีจากการพาทีมบ้านเกิดบุกไปกระชากถ้วยแชมป์โกปา อเมริกา 2021 จากอ้อมกอดของคู่กัดตลอดการอย่างบราซิล ซึ่งรับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน
เมสซี่ส่องประกายออร่าด้วยการเป็นนักเตะรายแรกที่สามารถซัลโวในศึกลา ลีกาและเวทีบอลถ้วยยุโรปได้มากที่สุดในหนึ่งฤดูกาลเมื่อซีซั่น 2011 – 2012 หลังจากนั้นในฤดูกาล 2014 – 2015 ก็ก้าวขึ้นไปรั้งตำนานยอดดาวยิงที่กระทุ้งประตูในลา ลีกาได้มากที่สุด รวมทั้งยังพาบาร์ซ่าฟาดทริปเปิ้ลแชมป์ได้เป็นครั้งที่สองอีกด้วย
ขณะเดียวกันนั้นเมสซี่ก็ได้สร้างสถิติเอาไว้อย่างมากมายร่วมกับบาร์เซโลน่า โดยเป็นนักเตะที่สามารถพาทีมต้นสังกัดกวาดถ้วยรางวัลไปได้มากที่สุดถึง 35 รายการ รวมไปถึงเป็นเจ้าของสถิติดาวซัลโวตลอดกาลในศึกลา ลีกาที่ 473 ตุงบวกกับอีก 192 แอสซีสต์จากการค้าแข้งให้บาร์เซโลน่ามายาวนานถึง 17 ปี นอกจากนั้นยังประกาศความยิ่งใหญ่ด้วยการครองตำแหน่งนักเตะที่พังประตูต่อฤดูกาลได้มากสุดที่ 50 ลูกเมื่อฤดูกาล 2011 – 2012
เท่านั้นยังไม่พอเมื่อเมสซี่ยังครองสถิติพ่อค้าแข้งที่ตะบันแฮตทริกไปได้มากที่สุด ซึ่งแบ่งเป็นในศึกลา ลีกา 36 ครั้ง และใน “ถ้วยบิ๊กเอียร์” อย่างยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกอีก 8 ครั้งด้วยกันเลยทีเดียว และรวมเบ็ดเสร็จแล้วตอนนี้เมสซี่กระทุ้งตาข่ายทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติรวมกันไปแล้ว 750 ตุงอย่างสุโค่ย
แม้ว่าก่อนหน้านี้เมสซี่จะสุดท้อกับการเล่นระดับชาติจนหันหลังให้ทีมฟ้าขาว ก่อนที่จะถูกกล่อมให้กลับมารับใช้ชาติอีกครั้งพร้อมก้าวไปสู่ความสำเร็จจนได้จากการฟันแชมป์โกปา อเมริกา 2021 ไปสด ๆ ร้อน ๆ
อย่างไรก็ดีล่าสุดเมสซี่ก็ต้องปวดใจไปไม่น้อยเมื่อต้องจำใจเก็บข้าวของย้ายออกไปจากอู่ข้าวอู่น้ำอย่างบาร์เซโลน่าอย่างจำใจด้วยปัญหาทางด้านการเงินของต้นสังกัดที่เข้าอาการโคม่าขนาดไม่มีปัญญาจ่ายค่าเหนื่อยให้เมสซี่ในสัญญาฉบับใหม่ต่อให้เจ้าตัวเสียสละด้วยการรับค่าเหนื่อยเพียงแค่ครึ่งเดียวจากของเดิมก็ตาม ก่อนที่จะย้ายไปเล่นให้ปารีส แซงต์ แชร์กแมงเป็นสถานีต่อไป
นอกจากนี้เมสซี่ยังได้รับการอุปการะจากสปอนเซอร์หลักอย่างผลิตภัณฑ์กีฬาระดับโลกอย่าง “อาดิดาส” มาอย่างยาวนานนับตั้งแต่ปี 2006 เลยทีเดียว ขณะเดียวกันก็เคยครองอันดับหนึ่งพ่อค้าแข้งที่รับค่าเหนื่อยมากที่สุดเมื่อปี 2019 จากนิตยสารชื่อดังอย่าง “ไทม์” รวมทั้งยังเป็นนักฟุตบอลและนักกีฬาประเภททีมรายแรกที่สามารถคว้ารางวัลนักกีฬาแห่งโลกประจำปี 2020 และที่เหนือไปกว่านั้นมันคือการฟันรางวัลบัลลง ดอร์ได้เป็นสมัยที่ 7 ในปี 2021
