เนย์มาร์อาจโบกมือลาแซมบ้าในไม่ช้านี้

เนย์มาร์ ซุปตาร์ทีมชาติบราซิลของขาใหญ่ในลีกเองฝรั่งเศสอย่างปารีส แซงต์ แชร์กแมง สร้างความฮือฮาให้วงการลูกหนังทั่วโลกได้ไม่น้อยเลยทีเดียว หลังจากออกมาประกาศด้วยต้นเองว่าอาจจะเลิกเล่นให้บราซิล หลังจบศึกฟุตบอลโลก 2020 ที่กาตาร์
แม้ว่าเนย์มาร์จะประกาศออกมาแบบนั้น แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่รับใช้บ้านเกิดในศึกโคปา อเมริกาอีกสักครั้ง หลังจากที่จะมีอายุ 30 ปีในช่วงฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ และนั่นมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใดเลย เนื่องจากก่อนหน้านี้มีพ่อค้าแข้งทองคำหลายต่อหลายรายที่อำลาทีมชาติไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน
สำหรับหนึ่งในนั้นก็มีพอล สโคลส์ มิดฟิลด์ระดับตำนานของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ประสบความสำเร็จร่วมกับทัพปีศาจแดงไปแบบจุก ๆ จนได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ที่ดีที่สุดในโลกในตอนนั้นเลยทีเดียว แต่ผลงานระดับชาติมันดันไม่ปังปุริเยเหมือนที่เล่นให้ผีแดง ทำให้ประกาศหันหลังให้ทีมชาติเมื่อเดือนสิงหาคม 2004 ด้วยเหตุผลที่ว่าอยากอยู่กับครอบครัว รวมไปถึงอยากทุ่มเทให้แมนฯยูฯอย่างเต็มที่ ซึ่งเขาหันหลังให้สิงโตคำรามไปด้วยวัยเพียง 29 ปีเท่านั้นเอง
ขณะที่ดาวยิงสุดฮอตของทีมชาติอังกฤษอย่างอลัน เชียเรอร์ก็อำลาทีมชาติไปก่อนเวลาอันควรเช่นเดียวกัน หลังจากซัลโวให้ทัพทรีไลออนส์ไปเบ็ดเสร็จ 30 เม็ด ซึ่งอยู่ในอันดับ 7 ของดาวซัลโวตลอดกาลของทีมชาติอังกฤษ โดยที่แข้งระดับตำนานวัย 29 ปีประกาศอำลาทีมชาติก่อนศ๊กยูโร 2000 จะเริ่มขึ้น ทำให้ลงเล่นให้สิงโตคำรามไปทั้งหมด 63 เกม แต่ก็เคยได้รับตำแหน่งดาวซัลโวในศึกยูโร 1996
เอริก คันโตน่าก็เป็นอีกหนึ่งแข้งที่บอกลาทีมชาติฝรั่งเศสไปด้วยวัยเพียงแค่ 28 ปีเท่านั้นเอง โดยวีรกรรมที่ตราตรึงทุกสายตาทั่วโลกนั่นก็คือการกระโดดเตะแฟนบอลของคริสตัล พาเลซ ทำให้โดนแบนทั้งในระดับสโมสรและเกมทีมชาติ แต่ฝรั่งเศสก็ได้ค้นพบเพชรเม็ดงามมาแทนที่คันโตน่า โดยให้ซีดานรับบทเพลย์เมกเกอร์ และก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวังแต่อย่างใด และสามารถก้าวขึ้นไปเป็นแข้งระดับเวิลด์คลาส
ส่วนรุ่นเก๋าอย่างแกร์ด มุลเลอร์ก็เป็นอีกหนึ่งแข้งที่หันหลังให้ทีมชาติก่อนเวลาอันควร โดยมุลเลอร์เคยครองตำแหน่งดาวซัลโวตลอดกาลของเยอรมันจากการตะบันไป 68 ลูกจาก 32 นัด ก่อนที่จะโดนมิโรสลาฟ โคลเซ่ทุบสถิตินี้ไปได้ในปี 2014 นอกจากนี้ยังมีดีกรีถึงดาวซัลโวฟุตบอลโลกปี 1970 และรับใช้ทีมบ้านเกิดไปเป็นเวลาเพียงแค่ 8 ปีเท่านั้นเอง