แบบนี้คงเข้ากับวลีเด็ดที่ว่า “เสียน้อยเสียยากเสียมากเสียงาย” อย่างแท้ทรูเลยทีเดียว เมื่อทางมหาอำนาจลูกหนังจากลา ลีกาสเปนต้องเสียรู้เสียฟอร์มในการ คว้าตัวดาวิด อลาบา ไปเสริมทัพในช่วงซัมเมอร์นี้แบบไม่มีค่าตัว หลังจากดาวเตะสารพัดประโยชน์ทีมชาติออสเตรียหมดสัญญาค้าแข้งกับทางแชมป์บุนเดสลีกาเยอรมันอย่างบาเยิร์น มิวนิคหลังจบฤดูกาลที่ผ่านมา
แต่เรอัล มาดริดนั้นมันไม่รู้ทันการย้ายทีมครั้งนี้แม้จะได้ตัวฟรีแต่มีการสอดใส่ชีสคาราเมลเอาไว้คอยเชือดนิ่ม ๆ เมื่อสื่อในเยอรมันอย่าง “แตร์ สปิเกิล” ออกมาแฉว่า ทางราชันชุดขาวต้องตำน้ำพริกละลายน้ำไปจากการได้ตัวอลาบาไปในครั้งนี้แบบรู้เท่าไม่ถึงการณ์เป็นจำนวนเงินมหาศาลถึง 100 ล้านปอนด์เลยทีเดียว
สื่อเจ้าดังกล่าวเผยว่าอลาบาเซ็นสัญญาเล่นให้เรอัล มาดริดเป็นระยะยาว 5 ปี ซึ่งในส่วนนี้มีมูลค่ามากถึง 98 ล้านปอนด์ ซึ่งตีเป็นเงินไทยตกที่ราว 4,500 ล้านบาท โดยแบ่งออกเป็นในส่วนของค่าเหนื่อย 376,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ ซึ่งเทียบเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 17 ล้านปอนด์ แถมทางราชันชุดขาวยังต้องเสียค่าแป๊ะเจี๊ยะไปแบบโง่ ๆ ให้ทางอดีตแข้งเสือใต้แห่งเมืองเบียร์ไปอีก 15.1 ล้านปอนด์ ซึ่งตีเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 700 ล้านบาท
นอกจากนั้นมันยังวอดวายไม่พอ หลังจากเรอัล มาดริดต้องเสียค่านายหน้าของอลาบาอย่างปีนี่ ซาฮาวี่ไปเป็นจำนวนเงินอีกมากถึง 4.4 ล้านปอนด์ ซึ่งคิดเป็นเงินไทยตกที่ราว 200 ล้านบาท ขณะเดียวกันนั้นราชันชุดขาวยังต้องเสียตังค์ต่ออีกเด้งจากการจ่ายให้กับทางครอบครัวของอลาบาไปอีก 5.4 ล้านปอนด์ ซึ่งตีเป็นเงินไทยตกที่ราว 250 ล้านบาทอีกต่างหาก
ทางด้านแชมป์พรีเมียร์ลีกอังกฤษอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ซัมเมอร์นี้ออกตัวแรงเป็นสายเปย์ตัวจริงเสียงจริง หลังจากยังไม่หยุดช็อปนักเตะไปเสริมทัพ โดยล่าสุดตกเป็นข่าวว่าพร้อมเปิดศึกกับทีมดังในกัลโช่ เซเรีย อาอิตาลีอย่างลาซิโอ และยักษ์ใหญ่ในลีกยูเครนอย่างชัคตาร์ โดเน็ตส์ค ในการร่วมวงไล่ล่าตัวอเล็กซ์ กรีมัลโด้ แบ็กซ้ายตัวเก่งของทางทีมแกร่งแห่งลีกโปรตุเกสอย่างเบนฟิก้า ซึ่งขาดว่าทีมเหยี่ยวลิสบอสพร้อมขายดาวเตะมะขามข้อเดียววัย 25 ปีที่ราคา 30 ล้านยูโร ซึ่งเทียบเป็นเงินไทยอยู่ที่ราว 1,170 ล้านบาท
ขณะเดียวกันนั้นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดอาจสวมบท “ตาอยู่” คว้าตัวเออร์ลิง ฮาแลนด์ เครื่องจักรสังหารทีมชาตินอร์เวย์ของทีมดังในบุนเดสลีกาเยอรมันอย่างโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์มาล่าตาข่ายในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด โดยหวังอาศัยความสัมพันธ์อันดีของยอดผู้จัดการทีมอย่างโอเล่ กุนนาร์ โซลชาที่เป็นคนบ้านเดียวกันกับเจ้าหนูมหัศจรรย์ชาวนอร์วีเจี้ยน
