เรอัล มาดริด โคตรทีมแห่งลา ลีกาสเปน ยังคงโชว์ฟอร์มเทพได้ร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง หลังจากคว้าแชมป์ซูเปร์โกปา เด เอสปันญ่าเพิ่มไปได้อีกสมัย หลังจากเอาชนะคู่ปรับร่วมลีกอย่างแอธเลติก บิลเบาไปได้ตามเป้า 2-0 ในนัดชิงชนะเลิศเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 16 มกราคม 2022
ก่อนหน้านี้เรอัล มาดริดฟาดแชมป์ซูเปร์โกปา เด เอสปันญ่ามาแล้ว 11 สมัย และพลาดโอกาสทองที่จะออกนำตั้งแต่นาทีที่ 27 จากจังหวะที่กาเซมิโร่ลากบอลตะลุยขึ้นมาทางด้านขวา ก่อนที่ดาวเตะทีมชาติบราซิลจะตะบันเต็มข้อล่อเต็มแข็ง บอลพุ่งราวติดจรวดแทบจะมุดเข้าเสาแรกไปแล้ว แต่อูไน ซิมอน นายทวารมือหนึ่งทีมชาติสเปน ก็โชว์ซูเปอร์เซฟข่วงบิลเบาเอาไว้ได้อย่างหวุดหวิด
อย่างไรก็ตามเรอัล มาดริดก็เป็นฝ่ายออกนำ 1-0 จนได้ เมื่อโรดริโก้ลากบอลจากขวาแล้วตัดเข้ากลาง แล้วค่อย ๆ ไหลบอลตรงบริเวณเส้นหน้ากรอบเขตโทษให้ลูก้า โมดริด จอมทัพทีมชาติโครเอเชีย บรรจงปั่นบอลโค้ง ๆ ข้ามตัวผู้รักษาประตูคู่แข่งเข้าไปสุดแจ่ม
เปิดฉากครึ่งหลังไปได้เพียงแค่ 5 นาทีเท่านั้น ทางด้านเรอัล มาดริดก็ได้ประตูนำห่างเป็น 2-0 จากจังหวะที่คาริม เบนเซม่า ดาวยิงจอมเก๋าทีมชาติฝรั่งเศส ซัดบอลไปโดนมือของเยราย อัลบาเรซ และผลจากวีเออาร์ก็แสดงออกมาอย่างชัดเจนให้เป็นลูกที่จุดโทษ ก่อนที่เบนเซม่าจะรับหน้าที่สังหารเองไม่พลาดเป้าแต่อย่างใดเลย
เกมเข้าสู่นาทีที่ 76 บิลเบามีโอกาสลุ้นตีไข่แตก โดยที่ยูริ เบร์ซีเซ่บรรจงวางบอลข้ามฟากไปที่เสาสองที่มีเพื่อนร่วมทีมอยู่ถึงสองรายอย่างราอูล การ์เซียกับอัลบาเรซ แต่สุดท้ายดันกลายเป็นแย่งกันโหม่งเสียเอง ทำให้บอลเข้าข้างตาข่ายไปอย่างน่าเสียดาย
ก่อนหมดเวลาการแข่งขันในเกมนี้ 3 นาที ทางด้านของบิลเบาน่าจะได้ประตูไข่แตกเป็นการปลอบใจเป็อย่างยิ่ง หลังจากมีโอกาสทองด้วยลูกหยอดโด่งข้าวของเปร์ซีซ่าลอยโด่ง ๆ เข้าไปหน้าปากประตูของเรอัล มาดริดให้ราอูล การ์เซียได้โขกระยะเผาขนแล้วบอลไปโดนมือของเอแดร์ มิลิเตา
จากจังหวะดังกล่าวเมื่อผู้ตัดสินวิ่งไปดูภาพวีเออาร์จากขอบสนาม แล้วตัดสินใจให้เป็นลูกโทษที่จุดโทษของบิลเบาในนาทีที่ 87 และมิลิเตาก็โดนหางเลขจากการได้รับใบแดงเชิญออกจากสนาม อย่างไรก็ดีจอมหนึบมือหนึ่งทีมชาติเบลเยี่ยมก็สามารถเซฟจุดโทษรักษาคลีนชีตให้ราชันชุดขาวไปได้สำเร็จ
ตอนนี้ทำให้เรอัล มาดริดกวาดแชมป์ซูเปร์โกปา เด เอสปันย่าไปแล้ว 12 สมัย โดยตามหลังทีมคู่กัดตลอดกาลอย่างบาร์เซโลน่าที่ทำสถิติเอาไว้ที่ 13 สมัย
