โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ เจ้าของรางวัลนักฟุตบอลชายยอดเยี่ยมของฟีฟ่า 2 สมัยซ้อนชาวโปแลนด์ กลายเป็นแข้งรายแรกในประวัติศาสตร์ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกที่สามารถกดแฮตทริกได้อย่างรวดเร็วที่สุด หลังจากดาวยิงจอมเก๋าทีมชาติโปแลนด์ รัวสามดอกม้วนเดียวจบภายใน 23 นาทีช่วยให้บาเยิร์น มิวนิค ตัวพ่อในบุนเดสลีกาเยอรมัน เปิดอันลิอันซ์อารีน่าฆาตกรรมโหดเร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก ทีมไม้ประดับจากออสเตรีย ไปแบบแทบจำสภาพศพไม่ได้ 7-1 ในเกมรอบ 16 ทีมสุดท้ายนัดสอง เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2022
เลวานดอฟสกี้ประเดิมลูกแรกในแมตช์ดังกล่าวจากการสังหารจุดโทษในนาทีที่ 12 ก่อนที่จะมาเหมาจุดโทษลูกที่สองของเขาในเกมนี้ให้บาเยิร์นนำห่างอย่างชิล ๆ 2-0 ในนาทีที่ 21 และถัดจากนั้นไปได้อีกเพียงแค่ 2 นาทีก็สามารถระเบิดแฮตทริกได้อย่างหล่อ
สำหรับสถิติเดิมนั้นเป็นของมาร์โก ซิโมเน่ อดีตหัวหอกของยักษ์ใหญ่ในกัลโช่ เซเรีย อาอิตาลีอย่างเอซี มิลาน ที่จารึกประวัติศาลตร์ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกเอาไว้ได้ในปี 1996 จากเกมที่ดวลแข้งกับทีมดังจากนอร์เวย์อย่างโรเซนบอร์ก
นอกจากนี้ยังนับเป็นแฮตทริกที่ 5 ของเลวานดอฟสกี้ในถ้วยใบใหญ่ของยุโรปใบนี้ โดยเป็นรองเพียงแค่คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กัปตันทีมชาติโปรตุเกสของยักษ์หลับในพรีเมียร์ลีกอังกฤษอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ตะบันแฮตทริกไปได้ 8 ครั้งเท่ากับลีโอเนล เมสซี่ เจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ 7 สมัยชาวอาร์เจนไตน์ของทีมเจ้าบุญทุ่มในลีกเอิงฝรั่งเศสอย่างปารีส แซงต์ แชร์กแมง
บาเยิร์นลอยลำเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศในถ้วย “บิ๊กเอียร์” ด้วยสกอร์รวมสองนัดสุดหรูที่ 8-2 หลังจากรอบ 16 ทีมสุดท้ายนัดแรกทำได้เพียงแค่ออกไปไล่ตีเสมอซัลซ์บวร์กแบบหืดจับ 1-1 เมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2022
ขณะเดียวกันนั้นทางด้านสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ออกมาประกาศยืนยันว่าได้จัดการลงดาบรัสเซียด้วยการเขี่ยทีมลูกหนังชายของหมีขาวหลุดวงโคจรศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้ายที่กาตาร์รับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพในช่วงปลายปีนี้ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
จากการทีฟีฟ่าแบนรัสเซียในครั้งนี้มีอานิสงส์ส่งไปถึงโปแลนด์ที่ได้ชนะบายไปตามระเบียบ และเข้าไปนอนรอผู้ชนะระหว่างเช็กที่จะโม่แข้งกับสวีเดน ในรอบชิงชนะเลิศทันที
นอกจากนี้ทางฝั่งฟีฟ่ายังได้ออกมายืนยันด้วยว่าจะเลื่อนเกมเพลย์ออฟฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้ายของโซนยุโรปที่ยูเครนมีคิวฟาดแข้งกับสกอตแลนด์ในวันที่ 24 มีนาคม 2022 ออกไปเป็นช่วงกลางเดือนมิถุนายน 2022 ส่วนอีกคู่ระหว่างเวลส์จะดวลแข้งกับออสเตรียนั้นยังคงให้ลงแข้งขันตามกำหนดการเดิม
