เจาะตำนานรางวัลบัลลงดอร์

หากท่านเป็นหนึ่งในคอลูกหนังตัวจริงเสียงจริงแล้วล่ะก็คงต้องรู้จักรางวัลอันทรงเกียรตินี้บ้างไม่มากก็น้อย ซึ่งนั่นก็คือรางวัลบัลลงดอร์ (Ballon d’Or) โดยรางวัลนี้ถือเป็นเกียรติยศส่วนตัวที่บรรดาพ่อค้าแข้งต่างถวิลหา ซึ่งรางวัลนี้ได้มีการจัดมอบกันเป็นครั้งแรกเมื่อ 18 ธันวาคม 1956 จากนิตยสารฟร็องซ์ ฟุตบอล และก็ได้มีการจัดมอบรางวัลมาอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งต้องมาถูกขัดจังหวะให้หยุดไปจากเจ้าไวรัสมรณะโควิด-19 นั่นเอง
บัลลงดอร์เป็นรางวัลที่จัดทำขึ้นเพื่อมอบให้กับนักฟุตบอลที่มีผลงานอันเยี่ยมยอดประจำทุกปี โดยที่พ่อค้าแข้งที่มีสิทธิ์ลุ้นรางวัลนี้ต้องเล่นให้กับสโมสรในสังกัดของสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) เท่านั้น และเมื่อก้าวเข้าสู่ปี 2010 ได้มีการควบรวมรางวัลนี้เข้ากับรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) (FIFA World Player of the Year award) คลอดออกมาในชื่อใหม่ที่ว่า “ฟีฟ่าบัลลงดอร์” ก่อนที่จะกลับมาใช้ชื่อ “บัลลงดอร์” เดี่ยว ๆ อีกครั้งนับตั้งแต่ปี 2016 เป็นต้นมา
สำหรับนักฟุตบอลที่ได้รับรางวัลบัลลงดอร์สูงสุดตลอดกาลนั้นตกเป็นของลีโอเนล เมสซี่ โดยมหาเทพลูกหนังทีมชาติอาร์เจนติน่า กวาดรางวัลลูกบอลทองคำอันทรงเกียรตินี้ไปครอบครองได้มากที่สุดถึง 7 สมัย หลังจากก่อนหน้านี้ตีคู่มากับคริสเตียโน่ โรนัลโด้ สุภาพบุรุษลูกหนังทีมชาติโปรตุเกสของทีมแกร่งแห่งกัลโช่ เซเรีย อาอิตาลีอย่างยูเวนตุสเท่ากันที่ 5 สมัย ก่อนที่อดีตซุปตาร์บาร์เซโลน่าจะมาคว้าสมัยที่ 6 ไปได้สำเร็จเมื่อปี 2019 และเพิ่มดีกรีความร้อนแรงเป็นสมัยที่ 7 ในปี 2021 อีกด้วย
ขณะที่สโมสรที่มีนักฟุตบอลคว้ารางวัลบัลลงดอร์ไปได้มากที่สุดนั้นตกเป็นของเรอัล มาดริดที่ 9 ครั้งจากนักเตะ 7 รายประกอบไปด้วยอังเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่ในปี 1957 และ 1959, แรมง กอปาเมื่อปี 1958, ลูอิซ ฟิกูปี 2000, โรนัลโด้ 2002, ฟาบิโอ คันนาวาโร่ 2006, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 2016 และ 2017, ลูก้า โมดริช 2018
ส่วนนักฟุตบอลที่ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลบัลลงดอร์อย่างที่แฟนลูกหนังคาดกันไม่ถึงนั้นมันก็มีจำนวนไม่น้อยเลย โดยหนึ่งในนั้นก็เคยมีชื่อของมาริโอ บาโลเตลลี่ ดาวเตะอาร์ตตัวพ่อดีกรีทีมชาติอิตาลี ในสมัยที่ “เกรียนโอ้” ยังเพิ่งเริ่มมีชื่อเสียงขึ้นมาใหม่ ๆ ในฤดูกาล 2011 – 2012 จากผลงานอันสุโค่ยโดยกดไปเบ็ดเสร็จ 17 เม็ดจากการลงเล่นบนเวทีพรีเมียร์ลีกให้ทางแมนเชสเตอร์ ซิตี้ รวมทั้งยังกระทุ้งตาข่ายไปอีก 6 ตุงจากการลงเล่นให้อิตาลีไป 5 เกม ก่อนที่จะมีพฤติกรรมอันสุดแย่นอกสนามพร้อมกับมีความหย่อนยานทางด้านวินัยเป็นอย่างมากจนส่งผลให้หมดอนาคตไปในบั้นปลาย
เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ อดีตดาวยิงของยักษ์ใหญ่ในพรีเมียร์ลีกอังกฤษอย่างอาร์เซน่อล ก็เคยมีชื่อเข้าชิงรางวัลอันทรงเกียรตินี้กับเขาเหมือนกัน โดยอเดบายอร์ไล่ล่าตาข่ายให้ทีมปืนใหญ่ได้เป็นกอบเป็นกำมากถึง 30 ลูกจากการลงเล่นไป 48 นัดจนมีชื่อเข้าขิงเมื่อฤดูกาล 2007 – 2008
ทางฝั่งของพ่อค้าแข้งจอมพเนจรอย่างเฟดเดริก กานูเต้ก็เคยมีชื่อเข้าชิงลูกบอลทองคำในปี 2007 จากการสั่งสมบารมีบนเวทีพรีเมียร์ลีกอังกฤษร่วมกับเวสต์แฮม ยูไนเต็ดและสเปอร์ส ก่อนที่จะย้ายไปดังระเบิดเถิดเทิงกับทีมดังในลา ลีกาสเปนอย่างเซบีย่าจากผลงานชิ้นโบว์แดงในซีซั่น 2006 – 2007 ด้วยการกดไป 30 เม็ดจากการลงเล่นไป 48 นัด ซึ่งเหนือกว่าศูนย์หน้าระดับเวิลด์คลาสไม่ว่าจะเป็นซามูเอล เอโต้, ดาวิด บีย่า และเฟร์นานโด ตอร์เรส
ตบท้ายกันด้วยมิลาน บารอส หัวหอกทีมชาติเช็กของลิเวอร์พูล ที่ได้ลุ้นรางวัลนี้เมื่อปี 2004 โดยดาวยิงหงส์แดงก้าวเท้าเข้าชิงรางวัลดังกล่าวพ่วงด้วยผลงานอันสุดแจ่มจากการคว้ารางวัลดาวซัลโวยูโร 2004 ที่โปรตุเกสเป็นเจ้าภาพจากการกระทุ้งไป 5 ตุง รวมทั้งยังเป็นหนึ่งใน 11 นักเตะยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์ดังกล่าวอีกด้วย