แชมป์พรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้มีลุ้นวัดลูกได้เสีย

ศึกพรีเมียร์ลีกอังกฤษฤดูกาล 2021 – 2022 อาจต้องไปตัดสินกันถึงฎีกาขนาดต้องวัดลูกได้เสียกันเลยทีเดียว หลังจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้สะดุดพ่ายสเปอร์สคาเอติฮัด สเตเดี้ยมไปสุดดราม่า 2-3 เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2022 ทำให้มีโอกาสไม่น้อยเลยทีเดียวที่ซีซั่นนี้จะจบลงด้วยการมีแต้มเท่ากับลิเวอร์พูล ทำให้ต้องไปตัดสินแชมป์กันด้วยลูกได้เสีย
จากความปราชัยคารังของแมนฯซิตี้ที่มีต่อสเปอร์ส 2-3 ขณะที่ลิเวอร์พูลเปิดแอนฟิลด์เร่งเครื่องแซงชนะนอริช ซิตี้ 3-1 แม้ว่าตอนนี้เรือใบสีฟ้ายังคงยึดจ่าฝูงเอาไวได้อย่างเหนียวแน่น แต่ก็หยุดอยู่ที่ 63 คะแนนจาก 26 นัด และทิ้งห่างหงส์แดงเหลือเพียงแค่ 6 แต้ม รวมทั้งยังลงเล่นมากกว่าลูกทีมของเจอร์เก้น คล็อปป์หนึ่งเกม
หากลิเวอร์พูลสามารถเก็บชัยที่เหลือในนัดตกค้างในมือไปได้ตามเป้าก็จะทำให้ลดช่องว่างห่างแมนฯซิตี้เหลือเพียงแค่ 3 แต้มเท่านั้น และหงส์แดงมีคิวต้องบุกเยือนเรือใบสีฟ้า ซึ่งน่าจะเป็นแมตช์ชี้ชะตาแชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดีซีซั่นนี้เลยก็ว่าได้ และหากเทพีแห่งโชคเข้าข้างให้ลูกทีมของคล็อปป์บุกไปปล้นสามแต้มทองออกมาจากเอติฮัด สเตเดี้ยมได้แล้วล่ะก็ ทั้งสองทีมก็จะมีแต้มเท่ากันขึ้นมาทันที และหากต่างกวาดชัยในเกมที่เหลือได้เท่ากัน ทำให้โอกาสที่จะต้องไปวัดกันที่ลูกได้เสียมีไม่น้อยเลยทีเดียว
ตอนนี้แมนฯซิตี้มีลูกได้เสียที่ +46 ซึ่งมาจากได้ 64 เสีย 17 ขณะที่ลิเวอร์พูลอยู่ที่ +44 ซึ่งมาจากได้ 64 เสีย 20 ดังนั้นนับจากนี้เป็นต้นไปนั้นทุกประตูที่เกิดขึ้นของทั้งสองทีมนั้นมันต่างมีความหมายเป็นอย่างยิ่งต่อการตัดสินแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้
อย่างไรก็ดีทั้งแมนฯซิตี้และลิเวอร์พูลต่างมีเกมรุกที่โหดจัดปลัดบอกด้วยกันทั้งคู่ ดูแล้วน่าจะไปวัดกันที่ทีมใดจะพังประตูจนทำให้มีผลต่างของลูกได้เสียมากที่สุดนั่นเอง ทำให้ศึกพรีเมียร์ลีกกลับมาลุ้นระทึกใจกันไปยาว ๆ อีกครั้ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้เรือใบสีฟ้านำโด่งจนแทบจะยกแชมป์ให้ไปเลยทีเดียว
นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งตัวแปรที่สำคัญต่อการลุ้นแชมป์ของทั้งสองทีม โดยนั่นก็คือทั้งแมนฯซิตี้และลิเวอร์พูลต่างมีคิวเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ดังนั้นมันอาจจะวัดกันที่ว่าทีมใดทำผลงานเหนือปีศาจแดงได้มากกว่ากัน แต่นั่นมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแต่อย่างใด เนื่องจากทางฝั่งผีแดงเองก็ต้องการทุกแต้มเพื่อลุ้นจบซีซั่นนี้ด้วยการติดท็อปโฟร์