สิงห์บลูฟอร์มหรูทูเคิ่ลทำสถิติทาบฮิดดิ้งค์

เชลซีกลับมาทำผลงานในเวทีพรีเมียร์ลีกได้อย่างสุดติ่งกระดิ่งโดราเอมอนอีกครั้งภายใต้การกุมบังเหียนของ โธมัส ทูเคิ่ล โดยประเดิม 4 เกมแรกได้สุดปังปุริเยด้วยการนำทัพสิงโตน้ำเงินครามบุกไปเชือดบ๊วยอย่างเชฟฟิลดื ยูไนเต็ด 2-1 เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2564 ทูเคิ่ลทำสถิติทาบกุนซือระดับตำนานอย่างกุส ฮิดดิ้งค์
จากการบุกไปปล้น 3 แต้มจากทีมดาบคู่ไปได้ตามเป้า ทำให้สิงห์บลูในยุคทูเคิ่ลทำสถิติประเดิมกุนซือใหม่ด้วยการกวาดชัยไป 3 นัดและเสมอแค่เกมเดียว แถมยังเสียประตูให้คู่แข่งไปเพียงแค่เม็ดเดียวอีกต่างหาก ซึ่งผลงานขั้นเทพแบบนี้ของเชลซีต้องย้อนกลับไปในปี 2009 ที่อดีตโค้ชทีมชาติจารึกเอาไว้ให้ย้อนคิดทีไรอดชื่นใจไม่ได้ทุกที
นอกจากนี้ยังทำให้เชลซีกลับมามีโอกาสในการลุ้นเข้าป้าย 4 อันดับแรกในตารางพรีเมียร์ลีก หลังจากผลงานก้าวกระโดดจนขึ้นไปรั้งที่ 5 ไล่บี้อันดับ 4 อย่างแชมป์เก่าลิเวอร์พูล ซึ่งฟอร์มบู่สุด ๆ จากการโดนจ่าฝูงอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้บุกมารัวคารังพังยับเยิน 4-1 จนหงส์แดงพ่ายในลีกที่แอนฟิลด์ติดต่อกันเป็นนัดที่ 3 อยู่เพียงแค่แต้มเดียวเท่านั้นเอง
ขณะเดียวกันนั้นเชลซียังเพิ่มสถิติที่น่าชวนฝันเข้าไปอีก หลังจากที่เมสัน เมาท์กลายเป็นขุนพลสิงโตน้ำเงินครามที่อายุน้อยที่สุดเป็นอันดับ 2 ที่กดไปได้เบ็ดเสร็จ 10 เม็ดบนเวทีพรีเมียร์ลีกด้วยวัยเพียงแค่ 22 ปีกับอีก 28 วัน โดยสถิตินี้ดาวเตะที่ยังครองเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่นนั่นก็ไม่ใช่ใครไปนอกจากอาร์เยน ร็อบเบน ซึ่งอีกในหนึ่งแข้งระดับตำนานของสิงห์บลูรายนี้ทำเอาไว้ที่ 21 ปีกับอีก 342 วันและยังอยู่ยงคงกระพันมาจนจวบทุกวันนี้
นับเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องไม่น้อยเลยสำหรับประธานสโมสรเชลซีอย่าง “เสี่ยหมี” โรมัน อบราโมวิช ที่ปลดแฟร้งค์ แลมพาร์ดพร้อมตะเพิดออกไปจากถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์จากผลงานการผลงานที่สวนทางกับการผลาญเงินไปอย่างชัดเจน ก่อนที่จะไปดึงเอาทูเคิ่ลมาเสียบแทนอย่างทันควัน
ทูเคิ่ลจัดได้ว่าเป็นอีกหนึ่งกุนซือมือทองของยุโรป โดยเคยฝากผลงานด้วยการนำโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ฟาดถาดแชมป์บุนเดสลีกาเยอรมัน รวมทั้งยังพาปารีส แซงต์ แชร์กแมงกวาดทุกแชมป์ที่มีการแข่งขันบนแผ่นดินฝรั่งเศสเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา แต่ก็ไม่วายโดนเปแอสเชปลดจนได้จากตราบาปที่ไม่สามารถพาเปแอสเชชูถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกสมัยแรกในหน้าประวัติศาสตร์สโมสร หลังจากพ่ายมหาอำนาจลูกหนังลีกเมืองเบียร์อย่างบาเยิร์น มิวนิคไปแบบเส้นยาแดงผ่าแปด 0-1 ในนัดชิงชนะเลิศเมื่อซีซั่นที่แล้ว