เสี่ยหมียินดีโบห์ลี่เทคโอเวอร์สิงห์บลูแล้ว

โรมัน อบราโมวิช เจ้าสัวชาวรัสเซีย ออกมาแสดงความยินดี หลังจากท็อดด์ โบห์ลี่มหาเศรษฐีชาวอเมริกัน บรรลุข้อตกลงในการเทคโอเวอร์สโมสรเชลซีไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยการเปลี่ยนถ่ายเจ้าของสิงห์บลูในครั้งนี้มีมูลค่ามหาศาลถึง 4,250 ล้านปอนด์ ซึ่งตีเป็นเงินไทยตกที่ราว 182,750 ล้านบาท เลยทีเดียว นอกจากนี้ยังคาดว่าจะมีงบให้สิงโตน้ำเงินครามได้ช้อปนักเตะเข้าไปเสริมแกร่งในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ราว 200 ล้านปอนด์ ซึ่งคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 8,600 ล้านบาท เลยทีเดียว
สำหรับเม็ดเงินทั้งหมดจากข้อเสนอของโบห์ลี่ที่เป็นจำนวนมหาศาลที่ 4,250 ล้านปอนด์ ซึ่งคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 182,750 ล้านบาท นั้นมันจะถูกแบ่งเอาไปใช้ในการซื้อหุ้นสิงห์บลูเป็นจำนวนเงิน 2,500 ล้านปอนด์ ซึ่งคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 107,500 ล้านบาท และนำไปลงทุนเพื่อให้เกิดผลประโยชน์งอกงามกลับมาคืนสู่สโมสรเป็นจำนวนเงิน 1,750 ล้านปอนด์ ซึ่งตีเป็นเงินไทยอยู่ที่ราว 75,250 ล้านบาท โดยประกอบไปด้วยตัวอย่างเช่นการนำไปปรับปรุงสนามสแตมฟอร์ด บริดจ์, นำไปลงทุนกับอะคะเดมี่ของสิงห์บลู รวมไปถึงการสนับสนุนทีมหญิงของสโมสรอีกด้วย
แต่ว่าไฮไลท์ของงานนี้นั้นมันอยู่ที่งบของการเสริมทัพในช่วงซัมเมอร์นี้ โดยโบห์ลี่จัดหนักจัดเต็มให้แบบไม่มีกั๊กมากถึง 200 ล้านปอนด์ ซึ่งคิดเป็นเงินไทยแล้วอยู่ที่ประมาณ 8,600 ล้านบาทเลยทีเดียว ทำให้น่าจะเป็นที่พึงพอใจเป็นอย่างยิ่งของพลพรรคสิงห์บลู รวมไปถึงกุนซือมือเทพอย่างโธมัส ทูเคิ่ลที่จะได้จับจ่ายใช้สอยคว้าเอาแข้งที่ตนเองต้องการมาเสริมทัพสู้ศึกพรีเมียร์ลีกฤดูกาลหน้า
ขณะเดียวกันนั้นอบราโมวิชได้ออกมาแถลงการณ์ขอบคุณแฟนบอลสิงห์บลูที่ให้การหนุนหลังมาด้วยดีตลอดระยะเวลาร่วม 20 ปี โดยที่ขั้นตอนการเทคโอเวอร์จะเสร็จสมบูรณ์ และคาดว่าน่าจะประกาศออกมาอย่างเป็นทางการได้ภายในวันจันทร์ที่ 30 พฤษภาคม 2022
อบราโมวิชเข้ามาเซ้งกิจการเชลซีตั้งแต่เมื่อปี 2003 และทุ่มทั้งแรงกายพร้อมแรงเกินไปเป็นจำนวนมหาศาล ทำให้ตอนนี้สิงห์บลูก้าวขึ้นมาสู่สโมสรระดับโลกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยสามารถกวาดแชมป์ไปได้ครบทุกรายการ หลังจากล่าสุดเป็นแชมป์สโมสรโลก
เสี่ยหมีไม่ต่างไปจากเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายในสงครามครั้งนี้เลยทีเดียว หลังจากโดนรัฐบาลอังกฤษสั่งคว่ำบาตร รวมทั้งยังถูกบีบให้ขายสโมสรเชลซีอันเป็นสุดที่รัก เนื่องจากสาเหตุที่ว่ามหาเศรษฐีจากแดนหมีขาวไปมีสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ซึ่งเป็นผู้ออกคำสั่งให้ยกกองกำลังทหารเข้าไปรุกรานยูเครนอยู่จนถึงตอนนี้ก็ยังหาบทสรุปไม่ได้เลยว่าสงครามครั้งนี้จะยืดยาวออกไปนานเพียงใด